Social Care กับ Social Empathy

การดูแลทางสังคม (Social care) จึงไม่ใช่งานสังคมสงเคราะห์ ที่ทำเฉพาะการช่วยเยียวยา คน ๆ นั้นให้ได้รับการช่วยเหลือดูแลตามสิทธิที่พึงมีพึงได้ แต่คือการมองให้เห็นบริบทของชีวิต เรื่องราวความเป็นมาเป็นไป และระบบใหญ่ของสังคมที่เป็นโครงสร้างที่กำลังกดทับทำร้ายคน ๆ นั้นอยู่ และ ลงมือปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้คน ๆ นั้น ต้องทนทุกข์และทำได้เพียงรอรับความช่วยเหลือยู่ร่ำไป

ผมคิดว่า ความรู้สึกรู้สาต่อปัญหาสังคม เป็นแรงจูงใจที่ทำให้ใครหลายต่อหลายคน ลุกขึ้นมาคิดมาลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ปัญหานั้นถูกแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม (inequity) ที่ทำให้คนที่จะได้รับผลกระทบก่อนคนอื่น หรือมากกว่าคนอื่น ๆ คือ คนที่อยู่ชายขอบของสังคม หรือแม้จะไม่ได้อยู่ชายขอบ แต่มีความ “เปราะบาง” ทางสังคม มากกว่าคนอื่น

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ ความรู้สึกรู้สานี้ เกิดขี้นคือการได้รับรู้ ได้เข้าใจ ความทุกข์ ที่เป็นจุดเริ่มต้น และเมื่อขยายไปสู่ความเข้าใจสภาพแวดล้อม จึงเกิดเป็นแรงจูงใจ (motive) ในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดจาก “การร่วมรู้สึก” (empathy) [1] หรือ “สำนึกเห็นอกเห็นใจ” ที่ขยายการรับรู้ไปจนถึงเหตุปัจจัยและบริบททางสังคม โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงเชิงโครงสร้าง (structural violence) ที่กดทับ และทำให้บางคนได้รับผลกระทบมากกว่าคนอื่น ๆ เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Social Empathy [2] ที่ผมอยากลองแปลเป็นไทยว่า “การร่วมรู้สึกระดับสังคม”

ในหนังสือ “Social Empathy: The Art of Understanding Others” ผู้เขียนคือ Elizabeth Segal (2018) ศาสตราจารย์ด้าน Social Work แสดงให้เห็นว่า การช่วยเหลือดูแลผู้คนที่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสังคม มักจะมีสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นคือการขยายขอบเขตของ “การร่วมรู้สึก” จากระดับบุคคล (Interpersonal Empathy) (ภาพที่ 1) ไปสู่ระดับสังคม (Social Empathy) (ภาพที่ 2)

โดยที่อาจารย์ Segal สรุปว่า เป็นกระบวนการทำความเข้าใจ ที่ต้องเพิ่มเติมอีกสององค์ประกอบเข้าไป คือ การทำความเข้าใจบริบทแวดล้อมของคน ๆ นั้น (context) ที่รวมถึงการเข้าใจประวัติศาสตร์เรื่องราวความเป็นมา (contextual understanding) ร่วมกับการเก็บเกี่ยวเพิ่มเติมมุมมองที่กว้างขึ้นในระดับมหภาค เพื่อเข้าใจบริบทใหญ่ที่รวมถึงโครงสร้างทางสังคมในด้านต่าง ๆ (macroperspective taking)

ภาพที่ 1 การร่วมรู้สึกระหว่างบุคคล
Interpersonal Empathy (Segal 2018, fig. 1.1)
ภาพที่ 2 การร่วมรู้สึกระดับสังคม
Social Empathy (Segal 2018, fig. 1.2)

คำอธิบายเรื่อง social empathy นี้ อาจเป็นคำอธิบายนึง ที่ช่วยให้เข้าใจกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในใจของผู้ดูแล (care giver) ที่ทำงานที่เรียกว่า “การดูแลทางสังคม” (social care) ตามความหมายเฉพาะของอาจารย์ Arthur Kleinman นักมานุษยวิทยาการแพทย์ที่เน้นว่า คือ การดูแลที่ผู้ดูแลได้เข้าใจปัญหาและความต้องการที่มากไปกว่าการดูแลเฉพาะหน้า แต่ขยายไปถึงความต้องการในการแก้ไขปัจจัยรายรอบรวมถึงโครงสร้างทางสังคมที่สร้างความทุกข์ความเจ็บปวดให้กับผู้ที่กำลังดูแล โดยเป็นความเข้าใจที่เกิดขึ้นจากการลงมือกระทำการต่าง ๆ ในการให้การดูแล ที่อาจารย์ Klienman ย้ำว่าจะต้องเป็นความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติ (phronesis) ที่ทำให้ผู้ดูแลคนนั้นขยายขอบเขตของการดูแลจากการดูแลระดับบุคคล ไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับสังคมที่จำเป็นต่อคนที่กำลังให้การดูแล และขยายไปสู่การดูแลคนอื่น ๆ ได้กว้างขวางมากขึ้น จนถึงการสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับสังคม [4]

การดูแลทางสังคม (Social care) จึงไม่ใช่งานสังคมสงเคราะห์ ที่ทำเฉพาะการช่วยเยียวยา คน ๆ นั้นให้ได้รับการช่วยเหลือดูแลตามสิทธิที่พึงมีพึงได้ แต่คือการมองให้เห็นบริบทของชีวิต เรื่องราวความเป็นมาเป็นไป และระบบใหญ่ของสังคมที่เป็นโครงสร้างที่กำลังกดทับทำร้ายคน ๆ นั้นอยู่ และ ลงมือปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้คน ๆ นั้น ต้องทนทุกข์และทำได้เพียงรอรับความช่วยเหลือยู่ร่ำไป

การร่วมรู้สึกระดับสังคม (social empathy) จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ทำงานทางสังคม และ สำหรับทุกคนที่ควรมี “ความรู้สึกรู้สาต่อปัญหาสังคม” และร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง

อ้างอิง

[1] ผมเลือกคำภาษาไทย “การร่วมรู้สึก” สำหรับคำว่า “empathy” ทั้งด้วยเป็นคำที่ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติไว้ในพจนานุกรมศัพท์แพทย์ศาสตร์ ไทย – อังกฤษ และด้วยเป็นคำที่ผมคิดเองว่า สะท้อนกระบวนการการรับรู้ที่ (ควร) เกิดขึ้น คือ เป็นการรับรู้ความรู้สึกของใครอีกคนหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในสภาวะของการ “ดำรงอยู่” ร่วมกัน (presence) ด้วยการตระหนักรู้ถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน

[2] สร้าง Social Empathy ลดความเหลื่อมล้ำ, 8 กรกฎาคม 2565, The Active, URL: https://theactive.thaipbs.or.th/data/inequality-social-empathy

[3] Segal, E. (2018). Social empathy: The art of understanding others. Columbia University Press.

[4] Wilkinson, I., & Kleinman, A. (2016). A passion for society: How we think about human suffering (Vol. 35). University of California Press.

ใส่ความเห็น